“รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา” ยกทัพลงพื้นที่บุรีรัมย์ ตรวจเข้มความพร้อมก่อนเป็นเจ้าภาพ โมโตจีพี

นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ สำรวจความพร้อมก่อนเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขัน สุดยอดมอเตอร์สปอร์ตโลกอย่าง โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ตรวจเข้มความพร้อมท่าอากาศยานบุรีรัมย์ พร้อมประชุมคณะทำงานที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต ปิดท้ายด้วยโฮมสเตย์ หมู่บ้าน OTOP บ้านโนนสวรรค์ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ที่เข้าร่วมโครงการขยายที่พัก เพื่อรองรับความต้องการของแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากไทยและทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาสู่ จ.บุรีรัมย์ เป็นจำนวนหลายแสนคนตลอดสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน

ประเทศไทยเตรียมเปิดบ้านเป็นเจ้าภาพรองรับการแข่งขัน มอเตอร์สปอร์ตระดับท็อปของโลก อย่าง โมโตจีพี ชิงแชมป์โลก ซึ่งไทยถูกบรรจุให้เป็นสนามที่ 15 ของฤดูกาล 2019 ในรายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ มีคิวดวลความเร็วระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้ ที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์

ล่าสุด นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะได้ลงพื้นที่ จ.บุรีรัมย์ โดยมี นายธีรวัฒน์ วุฒิคุณ ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ ให้การต้อนรับ เพื่อติดตามความคืบหน้าการเตรียมความพร้อมสำหรับ เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก หรือ โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019

เนื้อหาสำคัญอยู่ที่การตรวจความพร้อมของ ท่าอากาศยานจังหวัดบุรีรัมย์ ซึ่งมีการปรับปรุงขยายลานจอดท่าอากาศยาน และพื้นผิวคอนกรีต, จุดติดตั้งเครื่องตรวจอาวุธและวัตถุระเบิด, สายพานลำเลียงสัมภาระ ขณะเดียวกันยังให้ความสำคัญกับห้องควบคุมระบบการรักษาความความปลอดภัยพื้นที่การบิน และเครือข่ายดาวเทียม รวมถึงพื้นที่ลาดเอียงสำหรับผู้โดยสารทุพพลภาพ ที่ใช้สำหรับขึ้น-ลง

จากนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา พร้อมคณะ ได้เดินทางต่อไปที่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ เพื่อสรุปแนวทางและความพร้อมของการทำงานเพื่อรองรับ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2019 ระหว่างวันที่ 4-6 ตุลาคมนี้

โดย ความพร้อมของสนามช้างฯ นั้นมีอย่างเต็มร้อย นับตั้งแต่ จุดติดตั้งพื้นที่พิทโซนของทีมแข่ง จุดต้อนรับและคัดกรองต่างๆ, ห้องควบคุมการแข่งขัน (Race Control) พร้อมลงสำรวจความพร้อมของสนาม อาทิ พื้นที่ควบคุมทีมแข่งและนักบิดบริเวณพิทเลน, พื้นผิวสนามและความพร้อมสแตนด์ต่างๆ เพื่อรองรับผู้ชม รวมถึงจุดกางเต็นต์สำหรับกิจกรรมต่างๆ

นายพิพัฒน์ กล่าวว่า “เราต้องการให้ประเทศไทยพร้อมที่สุดสำหรับการแข่งขัน โมโตจีพี รายการ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ เพราะนี่คือสิ่งสำคัญที่ต้องรองรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตจำนวนหลายแสนคนจากทั่วโลกที่จะเดินทางเข้าชมการแข่งขัน เริ่มตั้งแต่สนามบินที่ปีนี้เรามีการปรับปรุงหลายอย่าง เพื่อยกระดับมาตรฐานให้เพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยว ซึ่งความคืบหน้าในการทำงานถือว่าสมบูรณ์พร้อมดีมาก”

“ส่วนใน สนามช้างฯ ซึ่งจะใช้รองรับการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ นั้นไม่มีอะไรน่าห่วง เพราะทีมบริหารของ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มีประสบการณ์อย่างสูงกับการรองรับมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ซึ่งจากการพูดคุย ทีมงานรับฟังความเห็นของแฟนๆ และนำปัญหาต่างๆ มาปรับปรุงได้เห็นอย่างดี โดยเฉพาะความสะดวกด้านต่างๆ ทั้งการเดินทางที่ง่ายขึ้น และไซด์สแตนด์ที่มีมาตรฐานมากขึ้น รวมถึงส่วนต่างๆ ซึ่งผมเชื่อว่าตอนนี้เราพร้อมแล้วที่จะเปิดบ้านของเรา เปิดประเทศของเราต้อนรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตหลายแสนคนจากทั่วโลก” นายพิพัฒน์ ทิ้งท้าย

นอกจากนี้ นายพิพัฒน์ ยังเดินทางตรวจเยี่ยมโฮมสเตย์ หมู่บ้าน OTOP บ้านโนนสวรรค์ อ.บ้านด่าน จ.บุรีรัมย์ ที่เข้าร่วมโครงการขยายที่พัก เพื่อรองรับความต้องการของแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากไทยและทั่วโลกที่เดินทางเข้ามาสู่ จ.บุรีรัมย์ เป็นจำนวนหลายแสนคนตลอดสุดสัปดาห์ของการแข่งขัน

ทั้งนี้ การแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งแรกของไทยเมื่อปี 2018 ที่ผ่านมา ถูกยกให้เป็น “เบสต์ กรังด์ปรีซ์ ออฟ เดอะ เยียร์” ซึ่งถือเป็นรางวัลสำหรับการแข่งขันที่ดีที่สุดของปี พร้อมกันนี้ พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ์ 2018 ยังมียอดผู้เข้าชมทั้งหมด 222,535 คน ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับตัวเลขผู้ชมทั้งหมด 19 สนามจากทั่วโลก